ชูวิทย์ แฉ ทุนจีนสีเทาภาค 2 เปิดเอกสารพิรุธ ฟาด สันธนะ เด็กวานซืน

ชูวิทย์ แฉ ทุนจีนสีเทาภาค 2 เปิดเอกสารพิรุธ ฟาด สันธนะ เด็กวานซืน

ชูวิทย์ แฉ ทุนจีนสีเทา ภาค 2 ชี้ สันธนะ แค่เด็กวานซืน ทุนจีน 5 กลุ่มเหมือนเพลี้ย ฮุบผลประโยชน์ชาติ โชว์เอกสารพิรุธ กลายเป็นข่าวแฉสุกครึกโครมประจำวันอีกครั้ง หลังจากเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดเผยข้อมูลทุจริตของกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เจ้าตัวเคยออกฟาฟาดข้อมูลฉาวจนเป้นข่าวดังไปกพ่อินหน้านี้

ล่าสุด วันนี้ที่โรงแรม Davis Hotel Corner Wing 

นายชูวิทย์ เปิดประเด็นร้อนต่อจากครั้งก่อนทันที เริ่มด้วยทุนจีนใส่สูทปล้น เกี่ยวกับบริษัทที่มีเจ้าของเป็นคนจีน 100% แต่เข้าไปประมูลงานรัฐ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542

การออกมาแฉทุนจีน ภาค 2 ครั้งนี้ ชูวิทย์ เผยด้วยว่า กลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจสีเทา 5 กลุ่ม ได้กระจายลงทุนในหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม กัมพูชา ลาว และไทย เพื่อฟอกเงิน

เหตุที่กลุ่มทุนแดนมังกรเหล่านี้ต้องกระจายการลงทุนก็เนื่องมาจากรัฐบาลจีนปราบปรามกลุ่มทุนเหล่านี้อย่างหนัก โดยในเวียดนาม และกัมพูชา เช่น สีหนุวีล ต่างมีราคาที่ดินสูงขึ้นมหาศาล เฉพาะบ่อนพนันออนไลน์เดือนเดียวได้กำไร 2,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ นายชูวิทย์ ยังร่ายยาวถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทอีกแหน่งหนึ่งซึ่งมีเจ้าของเป็นคนจีน 100% แต่เข้าไปประมูลงานรัฐ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดยนายชูวิทย์ได้ยกตัวอย่าง บริษัทเอช ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2543 จนปี 2565 ถือหุ้นโดยคนจีน 100% ถือเป็นบริษัทต่างด้าว แต่กลับพบข้อมูลว่า เข้าไปประมูลงานหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับมิเตอร์ไฟ และชนะประมูลเฉพาะในปี 2565 มีมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท และจะสั่งซื้อสินค้ามาจากจีนโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้รัฐจะไม่รับรู้ไม่ได้

เมื่อถามว่า กลุ่มจีนใส่สูทปล้นนี้เชื่อมโยงกับ กลุ่มมาเฟียจีน 5 กลุ่มที่เคยออกมาแฉข้อมูลหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า กลุ่มต่างๆ เหล่านี้รู้จักกัน แต่ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงทางธุรกิจกันอย่างไร ส่วนกรณีที่มีปัญหากับ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ปมแฉโรงแรมเปิดสถานบันเทิงเกินเวลาได้มีการเคลียร์ปัญหากันแล้วหรือไม่ ?

นายชูวิทย์ ตอบเสียงดังฟังชัดว่า ตนขอยืนยันว่า ไม่ได้รู้จักด้วย สมัยตนทำอาบอบนวด นายสันธนะ พยายามโชว์ให้สื่อเห็นว่า เคยนอนคุยกับตน แต่ความจริงนั่งคุยยังไม่เคยเลย นายชูวิทย์ยืนยันเคยรู้จักกับ นายสันธนะ ครั้งเดียว สมัยสวมบทนักข่าวไปสัมภาษณ์ที่ดอนเมือง ตอนที่อดีตตำรวจสันติบาลถอดเสื้อผ้าร้องไห้ที่บิ๊กโจ๊ก พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ไปจับกมุตัวก็เท่านั้นเอง

ไม่จบ เด็ก 18 กร่างไม่เลิก ขู่ฆ่าคนด่า-ส่งข้อความหาพี่ชายเหยื่อ

ข่าวโดม เด็ก 18 ฆ่าเด็ก 14 ยังไม่สำนึก โพสต์กร่างไม่เลิก ญาติเผยงานสวดศพสุดท้ายผู้ก่อเหตุยังส่งข้อความทำนองสั่งลาพี่ชายเหยื่อ แถมโพสต์ขู่ฆ่าคนด่า

เป็นข่าวที่กำลังอยู่ในความสนใจของผู้คนกับกรณี นายโดม เด็กอายุ 18 ปี ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ฟลุ๊ค เยาวชนวัย 14 ปี บาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิต ต่อมาเด็กที่ก่อเหตุได้ประกันตัวแต่ยังคงแสดงพฤติกรรมไม่สำนึกผิด โพสต์ข้อความลักษณะไม่เกรงกลัวความผิดที่ก่อจนเกิดเป็นประเด็นร้อนไม่หยุด

ล่าสุด วานนี้ (9 พ.ย.65) ญาติของน้องฟลุ๊คเด็ก 14 ที่เสียชีวิต เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังในพิธีสวดอภิธรรมศพคืนสุดท้ายว่า โดม ยังคงไม่หยุดคุกคาม โดยมีการโพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ทำนองข่มขู่ แถมยังส่งข้อความเสียงมาให้พี่ชายน้องฟลุ๊คเชิงสั่งลาสร้างความสงสัยให้กับครอบครัวเหยื่ออย่างมาก

โดยเมื่อเวลา 17.40 น. ของาวนนี้ บัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้ก่อเหตุที่ใช้ชื่อว่า “การ์เด้น’น” มีการโพสต์ข้อความระบุว่า “ด่าxxxมากๆ อยากเป็นศพต่อไปป่ะ”

นอกจากนี้ยังแชร์โพสต์ภาพเพื่อนตัวเองที่มีข้อความว่า “พวกขยะกุขอโทษ และยังมาด่ากุมึงต้องการ…อะไรมากมายวะ” ข้อความจากโพสต์ทางบัญชีโซเชียลของนายโดมที่จากการเปิดเผยของญาติผู้เสียชีวิตที่ต่อมายอมรับกับนักข่าวว่าไม่เข้าผู้ก่อเหตุทำแบบนี้เพื่ออะไร อีกทั้งยังดูไม่มีทีท่าสำนึกผิดสร้างความกังวลให้กับครอบครัวว่า ผู้ก่อเหตุจะมาก่อกวนภายในงานสวดศพคืนวสสุดท้ายของน้องฟลุ๊ค

ล่าสุดวันนี้ 9 พ.ย. 65 มีรายงานว่า นายประกันเตรียมนำตัว นายโดม ผู้ก่อเหตุ ส่งคืนศาลฝากขังต่อที่เรือนจำ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยโป่ง ก็เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกับนายโดม ภายหลังญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาแจ้งข้อหาเพิ่มจากพยายามฆ่าเป็นเป็นฆ่าคนตายโดยเจตนา และได้รับโทษในฐานะไม่ใช่เยาวชน เพราะอายุ 18 ปี บริบูรณ์แล้ว

นอกจากนี้ในวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนยังได้เรียกตัวชายที่อยู่ในคลิปวันที่เกิดเหตุซึ่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปกับนายโดมผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกับผู้ก่อเหตุ

นางสาวรัชดากล่าวต่อว่า ในภาพรวม รัฐบาลโดยคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้สั่งการให้จังหวัดต่าง ๆ เร่งสำรวจการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชน มุ่งเป้าสำรวจที่ดินแปลงสาธารณะที่ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) และทำการออก น.ส.ล. เพื่อทำให้ทราบขอบเขตที่แน่นอน สามารถจัดสรรที่ดินทำกินทุกประเภทให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่

แนะนำ : ดูดวงไพ่ยิปซี | รีวิวที่พัก | รีวิวคาเฟ่ | วิธีลดน้ำหนัก | รีวิวอนิเมะ ญี่ปุ่น